AVIOTEC IP starlight 8000 กล้องตรวจจับอัคคีภัย ยกระดับความปลอดภัยด้วยกล้องตรวจจับอัคคีภัยประสิทธิภาพสูงมาตรฐานสากล ตรวจจับเหตุเพลิงไหม้และควันในสภาพแวดล้อมที่ท้าทาย
AVIOTEC IP starlight 8000 กล้องตรวจจับอัคคีภัย ประสิทธิภาพสูงที่ได้มาตรฐานสากล ตรวจจับควันและเปลวไฟได้รวดเร็วและแม่นยำกว่าอุปกรณ์ตรวจจับควันแบบเดิม ด้วยเทคโนโลยีการวิเคราะห์ภาพอัจฉริยะ สามารถทำงานได้ดีแม้ในสภาวะแสงน้อย
เป็นโซลูชันที่ช่วยยกระดับความปลอดภัยให้กับองค์กรของคุณ และตอบโจทย์ในการเฝ้าระวังพื้นที่สำคัญที่มีมูลค่าธุรกิจสูง เช่น โรงงานอุตสาหกรรม คลังสินค้าของบริษัท กล้อง AVIOTEC ยังสามารถครอบคลุมการใช้งานในทุกสภาพแสงภายในอาคารสูง ไม่ว่าจะอยู่ในที่มืดสนิท ในที่ร่ม หรือแม้แต่พื้นที่กึ่งกลางแจ้งที่สภาพแสงเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
AVIOTEC เกิดจากการพัฒนากล้องวงจรปิด AVIOTEC IP starlight 8000 กล้องตรวจจับอัคคีภัยของ Bosch เพื่อตรวจจับและแยกแยะลักษณะควันและเพลิงไฟ ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำกว่าอุปกรณ์ตรวจจับแบบเดิม (Smoke, Heat, Beam Detectors) และไม่ตอบสนองต่อแสงสะท้อนที่ไม่ใช่ควันหรือไฟ เทคโนโลยี AVIOTEC ได้ผ่านการทดสอบ (TF1 – TF8) และความน่าเชื่อถือของอุปกรณ์ ตามที่ระบุไว้ในมาตรฐาน EN-54
ทำงานร่วมกับระบบรักษาความปลอดภัยจาก Bosch อย่างสมบูรณ์
นอกจากความสามารถในการตรวจจับลักษณะการเกิดอัคคีภัยแล้ว AVIOTEC ยังสามารถแสดงภาพเพื่อทราบถึงตำแหน่งและลักษณะของการเกิดอัคคีภัย และยังบันทึกภาพได้อีกด้วย โดยทำงานร่วมกับ Bosch Video Client (BVC) หรือ BVMS (Bosch Video Management) ระบบสัญญาณเตือนไฟไหม้จาก AVIOTEC ยังสามารถเชื่อมต่อกับตู้ควบคุมสัญญาณเตือนไฟไหม้ AVENAR Panel เพื่อทำให้ระบบสัญญาณเตือนไฟไหม้ของอาคารสมบูรณ์
ยกระดับงานรักษาความปลอดภัยด้วย Bosch Video Analytics
นอกเหนือจากอัลกอริธึมการตรวจจับเปลวไฟและควันแล้ว การวิเคราะห์วิดีโออัจฉริยะของ Bosch ยังรวมเข้ากับกล้อง AVIOTEC ซึ่งหมายความว่ากล้องวิดีโออัจฉริยะนี้สามารถให้การเฝ้าระวังความปลอดภัยของสถานที่ได้ ตลอดจนการตรวจสอบสัญญาณไฟอย่างละเอียดและมีประสิทธิภาพ
เฝ้าระวังความปลอดภัยของพื้นที่ได้ครอบคลุมจากจุดติดตั้งเดียวกัน
กล้อง AVIOTEC IP starlight 8000 เหมาะสำหรับการเฝ้าระวังทั้งในอาคาร และพื้นที่กำบังภายนอกอาคาร สามารถติดตั้งได้ในบริเวณที่มีกล้องวงจรปิดอยู่แล้ว ซึ่งช่วยให้คุณสามารถตรวจสอบความปลอดภัยของสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมดได้จากจุดติดตั้งเพียงจุดเดียว ส่งผลให้การติดตั้งและบำรุงรักษาทำได้ง่าย
มั่นใจด้วยมาตรฐานการรับรอง VDS และ CSIRO ระดับสากล
AVIOTEC IP starlight 8000 ได้รับการทดสอบและรับรองมาตรฐานความปลอดภัยโดย สถาบันผู้เชี่ยวชาญด้านการป้องกันอัคคีภัย รักษาความปลอดภัย และป้องกันภัยธรรมชาติ (VDS) ประเทศเยอรมนี เลขที่ G 217090 และได้รับการรับรองคุณภาพจากสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และนวัตกรรมแห่งชาติประเทศออสเตรเลีย (CSIRO) เลขที่ afp – 3323
จับภาพได้ชัดเจน แม้ในสภาวะแสงน้อย
Highlight
- ตรวจจับเปลวไฟและควันในระยะเริ่มต้นได้อย่างรวดเร็วและเชื่อถือได้ แม้ในสภาพแวดล้อมที่ไม่มีแสง
- ตรวจจับด้วยแสงอินฟราเรดโดยอัลกอริทึม AI ที่พัฒนาขึ้นใหม่
- เป็นโซลูชันที่เหมาะสำหรับการขนส่งและการผลิต
ตรวจจับเปลวไฟและควันไฟได้อย่างรวดเร็ว และเชื่อถือได้ในแม้สภาพแวดล้อมที่มืดสนิท (0 Lux)
กล้อง AVIOTEC ความสามารถตรวจจับเปลวไฟและควันแม้อยู่ในสถานที่ไม่มีแสง โดยมีแอปพลิเคชันที่ส่องแสงอินฟราเรดเพิ่มเติมที่แยกจากกัน สามารถตรวจสอบได้ด้วยการตรวจจับไฟจากวิดีโอที่ให้ภาพที่คมชัด ในช่วงกลางวันอุปกรณ์จะแสดงภาพสี และเปลี่ยนเป็นโหมดขาวดำในเวลากลางคืน เมื่อการมองเห็นลดลงต่ำกว่าระดับที่กำหนดไว้ล่วงหน้า เมื่อกลางวันกลับมาระบบจะเปลี่ยนกลับเป็นโหมดสีโดยอัตโนมัติ
การตรวจจับไฟโดยใช้วิดีโอ AVIOTEC IP starlight 8000 มาพร้อมกับเฟิร์มแวร์ใหม่ ซึ่งการติดตั้งที่มีอยู่สามารถอัปเกรดเป็นเทคโนโลยีใหม่ ได้โดยการอัปเดตเฟิร์มแวร์ฟรี นอกจากนี้ AVIOTEC ยังเฝ้าระวังภัยในเวลากลางคืนได้ด้วยฟังก์ชันการวิเคราะห์วิดีโอที่ built-in มาในตัวกล้อง
ตรวจจับอัคคีภัยได้แม่นยำ แม้ทำงานในสภาวะแวดล้อมที่ท้าทายจากฝุ่นละอองและความชื้น
Highlight
- เหมาะสำหรับสถานประกอบการผลิตขนาดใหญ่ สถานที่จัดเก็บ และลักษณะของสถานที่ที่ซับซ้อน อาทิ เยื่อกระดาษ สินค้าภาคเกษตร ยานยนต์ หรือรีไซเคิล
- ตรวจจับ และแจ้งเตือนได้อย่างรวดเร็ว
- ทนทานต่อสภาพอากาศที่เลวร้าย และการแจ้งเตือนผิดพลาด
- กล้องทำงานได้ดี แม้ในสภาวะแสงน้อย หรือตลอดทั้งคืน
AVIOTEC เฟิร์มแวร์เวอร์ชัน 7.81 มาพร้อมกับ AI อัลกอริทึม สามารถตรวจจับเปลวไฟและควันได้ แม้ในสภาพอากาศหรือสภาพแสงที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ และทำงานได้ดีแม้ในสภาวะแสงน้อย ด้วยไฟส่องสว่างอินฟราเรด กล้องสามารถจับภาพได้ชัดเจน และแยกแยะควันหรือเปลวไฟได้ แม้ในเวลากลางคืน
สามารถตรวจจับความเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดอัคคีภัยในพื้นที่ และอาคารใกล้เคียงได้อย่างชาญฉลาด รวดเร็ว และเชื่อถือได้ สำหรับอุปกรณ์ AVIOTEC ที่ได้รับการติดตั้งไปแล้ว สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ ๆ นี้ได้ ผ่านการอัปเดตเฟิร์มแวร์ที่จะเปิดให้ดาวน์โหลดได้ฟรี
อุปกรณ์ตรวจจับควันแบบดั้งเดิมจะตรวจจับเมื่อกลุ่มควันขึ้นสูงมาในระดับหนึ่ง แต่ AVIOTEC จะตรวจจับจากสัญญาณลักษณะของเพลิงไหม้ ผ่านการวิเคราะห์ภาพของกล้อง จึงตรวจจับได้รวดเร็วกว่าอุปกรณ์ตรวจจับแบบดั้งเดิม อีกทั้งมีการแจ้งเตือนผิดพลาดน้อยมาก จึงเป็นการลดระยะเวลาที่เครื่องจักรอุตสาหกรรมหยุดทำงาน
การประยุกต์ใช้งาน
ด้วยความยืดหยุ่นต่อการใช้งานของ AVIOTEC ทำให้สามารถนำไปประยุกต์ใช้สำหรับพื้นที่ในอาคารและนอกอาคารในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ได้มากมายดังต่อไปนี้
การใช้งานในอาคาร
การใช้งานนอกอาคาร
Remote Services
internet of Things (IoT) ในมือถือคุณ
เมื่อคุณจัดการระบบอัคคีภัยที่แตกต่างกันในหลายพื้นที่ เทคโนโลยีอาจเป็นทรัพย์สินที่สำคัญที่สุดของคุณ Bosch ช่วยให้คุณได้รับการสนับสนุนจากระยะไกลอย่างราบรื่น เพิ่มประสิทธิภาพในขณะที่ลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาและการจัดการ Bosch Remote Services ช่วยตรวจสอบดูแลรักษาและให้บริการอุปกรณ์ตรวจจับการเกิดเพลิงไหม้ได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
Highlight
- รับข่าวสารเกี่ยวกับระบบแจ้งเตือนอัคคีภัยของคุณได้ตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านการแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชัน Remote Fire Safety
- รองรับทั้งบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ระบบ iOS และ Android
- แจ้งเตือนทันทีเมื่อมีสัญญาณเตือนเหตุเพลิงไหม้ หรือมีคำแจ้งเตือนของระบบ
- เน้นผู้ใช้งานเป็นศูนย์กลาง เหมาะสำหรับผู้จัดการด้านความปลอดภัย ผู้ปฏิบัติงานและเจ้าของธุรกิจ
- เชื่อมต่ออย่างปลอดภัยบนโครงสร้างพื้นฐานบนระบบคลาวด์ ด้วยมาตรการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ดีที่สุด
Remote Services นำเสนอระบบ modular system ที่ทำงานบนการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตระยะไกลที่ปลอดภัยระหว่างผู้ติดตั้งระบบ และแผงสัญญาณเตือนไฟไหม้ของลูกค้า ระบบนี้จะช่วยปรับปรุงการทำงานและบริการทั้งหมด ซึ่งรวมถึงการติดตั้ง การวินิจฉัย การบำรุงรักษา และการอัปเดตระบบ
แอปจะนำเสนอข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับอัคคีภัย คำแจ้งเตือนของระบบและสถานการณ์ล่าสุด โดยจะแจ้งเตือนทันทีเมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้น รวมถึงระบุตำแหน่งและระดับความรุนแรงของเหตุการณ์ด้วย ผู้ติดตั้ง และลูกค้าจึงวางใจในระบบการแจ้งเตือนได้ อีกทั้งยังสามารถจัดการการเข้าถึงของผู้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย โดย Remote Services ที่เปิดให้บริการในปัจจุบันประกอบด้วย 4 บริการ ได้แก่